วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แท้จริงแล้ว "โอโซน" คืออะไร?

     

         
         เคยมีใครชักชวนท่านไปสูดโอโซนริมทะเลหรือในแหล่งท่องเที่ยวที่มีการประชาสัมพันธ์ว่ามีปริมาณโอโซนสูงติดระดับโลกบ้างไหม ถ้าเคยลองมาทำความรู้จักกับโอโซนกันก่อน!
      ความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ทำให้เรารู้ว่าโอโซนเป็นก๊าซที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติบนพื้นผิว โลกและในชั้นบรรยากาศสูงขึ้นไป ที่เรียกว่า Lower Stratosphere ในระดับความสูง 14.4-30.4 กม. จากพื้นพิวโลก ก๊าซออกซิเจนมีออกซิเจนอะตอมอยู่รวมกัน 2 อะตอม (O2) ในขณะที่ในรูปของโอโซนมีอยู่ 3 อะตอม (O3) โอโซนมีประโยชน์และมีโทษขึ้นอยู่กับแหล่งที่เกิดโอโซนตามธรรมขาติเป็นก๊าซที่ไม่คงรูป จะมีการเปลี่ยนแปลงกลับไปอยู่ในสภาพของก๊าซออกซิเจนในช่วง 10-20 นาที เป็นที่น่าสังเกตว่าสภาพอากาศที่แจ่มใสหลังจากเกิดพายุฝนฟ้าคะนองส่วนหนึ่ง เป็นผลมาจากโอโซนที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการผลิตก๊าซโอโซนโดยกระแสไฟฟ้าแรงสูงผ่านอากาศที่มีก๊าซออกซิเจน ทำให้โมเลกุลของออกซิเจนแตกตัวเป็นออกซิเจนอะตอม (O) และรวมตัวกับก๊าซออกซิเจนเป็นโอโซนมีสภาพเป็นก๊าซที่ไม่มีสี ไปจนถึงมีสีน้ำเงิน มีกลิ่นฉุน


คุณสมบัติของโอโซน
 
         โอโซนจัดเป็นตัวออกซิไดส์ (oxidizing agent) ที่แรงที่สุดที่อนุญาตให้นำมาใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน โดยมีฤทธิ์สูงกว่าก๊าซคลอรีนถึง 51% และมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ได้เร็วกว่า 3.125 เท่าตัว สารอินทรีย์ที่มีอยู่ในเยื่อเมมเบรนของแบคทีเรียเมื่อทำปฏิกิริยากับโอโซนทำ ให้ผนังเซลล์อ่อนแอและแตกออก ทำให้เซลล์ตาย โอโซนสามารถเกิดปฏิกิริยากับสารอินทรีย์ส่วนใหญ่รวมทั้งสารอนินทรีย์ ทำให้เกิดการแตกตัวและสลายตัวในกระบวนการสลายตัวทางชีวภาพได้ง่าย สารอินทรีย์บางชนิดทำปฏิกิริยากับโอโซนอย่างสมบูรณ์ได้คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ
 
        โอโซนสามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส สปอร์ ราเมือก ราน้ำค้าง เชื้อรา อะมีบา และเชื้อที่อยู่ในรูปของถุงน้ำตามปริมาณความเข้มข้นและระยะเวลาที่ใช้ต่างกัน
 


                           
     โอโซนในบรรยากาศปกป้อง อันตรายที่เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเล็ตจากดวงอาทิตย์
**ชั้นโอโซนในบรรยากาศมีประโยชน์ปกป้องอันตรายที่เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ก๊าซโอโซนส่วนใหญ่บนพื้นผิวโลกเกิดจากการทำปฏิกิริยาของแสงแดดกับของเสีย (pollutant) จากเครื่องยนต์ โรงงานผลิตพลังงาน เครื่องผลิตไอน้ำในโรงงานอุตสาหกรรรม โรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ รวมไปถึงจากอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เป็นต้นเหตุของมลภาวะมีการนำโอโซนไปใช้ประโยชน์ในการกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ในอากาศและน้ำ ใช้ประโยชน์ในกระบวนการกำจัดของเสียในอุตสาหกรรม ทำให้สารเคลือบไม้และหมึกพิมพ์แห้งเร็วขึ้น ขจัดกลิ่นในขนนก ใช้ฟอกสีในไข รวมทั้งใช้ในการกำจัดราเมือกและแบคทีเรียในห้องเย็น

         มีการจำแนกโอโซนเป็น oxidising biocide ใน L8 มีรายงานผลการทดสอบอย่างเป็นทางการของ Department of Environment ในคุณสมบัติที่เป็นไบโอไซด์ (biocide) โดยไม่มีความจำเป็นในการใช้สารไบโอไซด์ (biocide) ชนิดอื่นๆ มาประกอบการใช้
             มีการใช้ประโยชน์โอโซนในการกำจัดเชื้อโรคในน้ำที่นำมาใช้ประโยชน์เพื่อการบริโภคมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2447 ในปัจจุบันยังคงมีการใช้ประโยชน์ในวัตถุประสงค์เดียวกันอย่างกว้างขวางโดย เฉพาะในการกำจัดคราบแบคทีเรียและอะมีบาในระบบทำความเย็นด้วยน้ำ ทั้งนี้ปริมาณและความเข้มข้นของโอโซนที่ใช้ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำ อุณหภูมิ และอัตราการหมุนเวียนของน้ำในระบบ
 

อันตรายของโอโซน

         โอโซนจัดเป็นก๊าซพิษ การมีปริมาณโอโซนสูงมากผิดปกติในบางพื้นที่น่าจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าที่จะเป็นผลดี มีการกำหนดเกณฑ์ปริมาณความเข้มข้นสูงสุดที่ได้รับโดยเฉลี่ยไม่เกิน 0.1 ppm ในช่วงระยะเวลาของการทำงานนาน 8 ชั่วโมง
อันตรายจากการได้รับโอโซนเป็นประจำอาจจะเป็นอันตรายต่อปอด โดยเฉพาะในวัยเด็กที่ปอดกำลังพัฒนา อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับระบบสืบพันธุ์และพันธุกรรม อาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ ทำให้เกิดโรคปอดกำเริบ เช่น กลีบปอดพองลม และโรคหลอดลมอักเสบ ทำให้ภูมิคุ้มกันในระบบหายใจลดลง อาการหอบหืดและโรคหัวใจกำเริบ ลดปริมาณลมหายใจ รวมทั้งทำให้ปริมาณของเหลวในปอดเพิ่มขึ้นทำให้หายใจขัด


          ก๊าซโอโซนทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบหายใจ ทำให้ไอระคายคอหรือแน่นหน้าอก ปวดศีรษะ ท้องเสีย แน่นท้อง มีอาการป่วยและอาเจียน การสัมผัสโอโซนที่อยู่ในสภาพของเหลวที่มีความเข้มข้นสูงที่ผิวหนังหรือดวงตา อาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง อาการไหม้รุนแรง ปวดแสบปวดร้อน

 

 แหล่งอ้างอิง  http://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?topic=1978.0
ขอขอบคุณข้อมูลดีจากMy firstbrain  ที่มา : วิชาการดอมคอม (สืบค้นวันที่ 14/02/2556 )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น